ตัฟซีรซูเราะฮฺนัศร์

ซูเราะฮฺนี้ได้ถูกประทานที่มะดีนะฮฺมี ๓ โองการ
ความประเสริฐของซูเราะฮฺ
ซูรเราะฮฺดังกล่าวได้ถูกประทานภายหลังจากการอพยพ (ฮิจเราะฮฺ) ของท่านศาสดา (ศ็อลฯ) เป็นการแจ้งข่าวดีถึงชัยชนะอันยิ่งไหญ่ที่จะมีขึ้นในอนาคตอันใกล้ และจากเหตุการณ์นั้นเองจะทำให้มีประชาชนเข้ารับอิสลามเป็นกลุ่ม ๆ จำนวนมากมาย และเพื่อเป็นการขอบคุณในความโปรดปรานอันยิ่งใหญ่นั้นพระองค์จึงได้เชิญท่านศาสดา (ศ็อลฯ) ถวายการสดุดีต่อพระผู้เป็นเจ้า สรรเสริญ และทำการลุแก่โทษต่อพระองค์
แม้ว่าในอิสลามจะได้รับชัยชนะมากมาย แต่ไม่มีชัยชนะใดจะยิ่งใหญ่และเหมือนกับชัยชนะที่อิสลามมีเหนือผู้ปฏิเสธชาวมักกะฮฺ โดยเฉพาะอย่างยิ่งชัยชนะครั้งนี้ตามริวายะฮฺบางบทกล่าวว่า ชาวอาหรับเชื่อมั่นว่า ถ้าหากท่านศาสดา (ศ็อลฯ) สามารถยึดมักกะฮฺสำเร็จและจัดการปกครองขึ้นที่นั่น ย่อมเป็นเหตุผลที่บ่งบอกว่าอิสลามและท่านศาสดานั้นอยู่บนความสัจจริง
บางคนกล่าวว่า ซูเราะฮฺดังกล่าวถูกประทานลงมาหลังจากสนธิสัญญาหุดัยบียะฮฺ ปี ฮ.ศ.ที่ ๖ สองปีก่อนการยึดครองมักกะฮฺ
หนึ่งในนามชื่อของซูเราะฮฺคือ เตาดีอ์ หมายถึง การอำลาจากกัน เนื่องจากซูเราะฮฺดังกล่าวนอกจากได้แจ้งข่าวชัยชนะของบรรดามุสลิมที่มีเหนือบรรดาผู้ปฏิเสธแล้ว ยังได้แจ้งข่าวการอำลาจากของท่านศ่าสดา (ศ็อลฯ) อีกด้วย
หะดีษกล่าวว่า เมื่อซูเราฮฺนัศร์ได้ถูกประทานลงมา ท่านศาสดา (ศ็อลฯ) ได้อ่านให้บรรดาสาวกได้สดับรับฟัง ทั้งหมดได้แสดงความดีใจ มีเพียงท่านอับบาส อาของท่านศาสดา (ศ็อลฯ) เพียงคนเดี่ยวเท่านั้นที่ร้องไห้ เมื่อท่านศาสดา (ศ็อลฯ) ได้ยินเสียงร้องไห้ของอา จึงได้ถามว่า คุณอาร้องไห้ทำไมหรือ ?
ท่านได้ตอบว่า อาคิดว่าซูเราะฮฺดังกล่าวได้แฝงข่าวการอำลาจากของศาสดาแก่พวกเรา โอ้ท่านศาสดาแห่งอัลลอฮฺ
ท่านศาสดา (ศ็อล) กล่าวว่าเป็นจริงตามที่ท่านได้พูดทุกประการ
ความประเสริฐในการอ่านซูเราะฮฺนัศร์
ท่านศาสดา (ศ็อลฯ) กล่าวว่า บุคคลอ่านซูเราะฮฺนัศร์ประหนึ่งว่าเขาได้อยู่ร่วมกับท่านศาสดา (ศ็อลฯ) ทำการยึดนครมักกะฮฺ
ท่านอิมามซอดิก (อ.) กล่าวว่า บุคคลใดได้อ่านซูเราะฮฺนัศร์ในนมาซนาฟิละฮฺ และนมาซวาญิบประจำวัน อัลลอฮฺ จะทรงทำให้เขามีชัยชนะเหนือบรรดาศัตรูทั้งหมด วันกิยามะฮฺขณะที่เขาเข้าสู่สนามตัดสินจดหมายที่ติดตัวมาจะพูดกับเขาว่า พระผู้เป็นเจ้าได้ส่งฉันร่วมทางมากับท่านจากหลุมฝังศพ ฉันเป็นจดหมายที่จะคุ้มครองท่านให้ปลอดภัยจากไฟนรก
แน่นอนความประเสริฐมากมายที่อัลลอฮฺ (ซบ.) จะทรงมอบให้นั้นได้แก่ผู้ที่ที่อ่านซูเราะฮฺนัศร์แล้วอยู่ในแนวทางเดียวกันกับท่านศาสดา (ศ็อล) พร้อมกับปฏิบัติไปตามแบบฉบับของท่าน
ด้วยพระนามแห่งอัลลอฮฺ ผู้ทรงเมตตา ผู้ทรงปรานียิ่ง
إِذَا جَاءَ نَصْرُ اللَّهِ وَالْفَتْحُ
ครั้นเมื่อความช่วยเหลือของอัลลอฮฺและชัยชนะได้สำเร็จลง
وَرَأَيْتَ النَّاسَ يَدْخُلُونَ فِي دِينِ اللَّهِ أَفْوَاجًا
และเจ้าได้เห็นประชาชนเข้ารับศาสนาของอัลลอฮฺเป็นกลุ่ม ๆ
فَسَبِّحْ بِحَمْدِ رَبِّكَ وَاسْتَغْفِرْهُ إِنَّهُ كَانَ تَوَّابًا
ดังนั้นจงสดุดีด้วยการสรรเสริญพระผู้อภิบาลของเจ้า และจงขออภัยโทษต่อพระองค์เถิด แท้จริงพระองค์เป็นผู้ทรงอภัยโทษเสมอ
โองการแรกของซูเราะฮฺกล่าวว่า ครั้นเมื่อความช่วยเหลือของอัลลอฮฺและชัยชนะได้สำเร็จลงเจ้าก็ได้เห็นประชาชนเข้ารับศาสนาของอัลลอฮฺเป็นกลุ่ม ๆ จริงอยู่ที่ว่าโดยทั่วไปแล้วถ้าหากต้องการควบคุมกองกำลังและประชาชนทั้งหมดจำเป็นต้องเสริมสร้างกองกำลังและเตรียมพร้อมอยู่เสมอ แต่สำหรับผู้ที่ยึดมั่นในอัลลอฮฺ (ซบ.) ทราบดีว่าการช่วยเหลือนั้นต้องมาจากพระองค์เพียงฝ่ายเดี่ยว ฉะนั้นเมื่อเขาประสบชัยชนะจึงไม่แสดงความยโสโอหัง ทว่าเขาจะรีบทำการขอบคุณต่ออัลลอฮฺทันที อัล-กุรอานได้ยืนยันไว้ว่า ดังนั้นจงสดุดีด้วยการสรรเสริญพระผู้อภิบาลของเจ้า และจงขออภัยโทษต่อพระองค์เถิด แท้จริงพระองค์เป็นผู้ทรงอภัยโทษเสมอ
ซูเราะฮฺดังกล่าวได้อธิบายว่า อันดับแรกการช่วยเหลือนั้นมาจากอัลลอฮฺ หลังจากนั้นจึงได้รับชัยชนะพร้อมกับการแผ่อิทธิพลของอิสลามเข้าไปในเขตพื้นที่ยึดครอง (มักกะฮฺ) ทำให้ประชาชนเข้ารับอิสลามกันอย่างถ้วนหน้า ซึ่งทั้งสามโองการถ้าสังเกตจะเห็นว่าเป็นเหตุและผลที่สนับสนุนให้แก่กันและกันอย่างดี เพราะถ้าไม่มีการช่วยเหลือจากอัลลอฮฺ (ซบ.) ชัยชนะอย่างสิ้นเชิงก็จะไม่เกิดขึ้น เมื่อไม่ได้รับชัยชนะย่อมเป็นอุปสรรคขว้างกั้นแนวทางและการเติบโตอันเป็นสาเหตุทำให้ประชาชนไม่กล้ายอมรับอิสลามเป็นกลุ่ม ๆ แน่นอน เมื่อสามขั้นตอนผ่านพ้นไปลำดับต่อไปคือขั้นตอนที่สี่ได้แก่ การขอบคุณและถวายการสรรเสริญแด่อัลลอฮฺ (ซบ.) พระผู้อภิบาลผู้ทรงเกรียงไกรผู้ทรงช่วยเหลือให้ประสบความสำเร็จและมีชัยชนะเหนือศัตรู
ตัสบีห์ หมายถึงการยอมรับในพิสุทธิคุณของอัลลอฮฺ (ซบ.) จากข้อตำหนิและความบกพร่องทั้งปวง
หัมดิ หมายถึง การสรรเสริญพระองค์แต่เพียงผู้เดียวเนื่องจากพระองค์คือ พระผู้ทรงมีคุณลักษณะสัมบูรณ์ทุกประการ
อิสติฆฺฟารฺ หมายถึงการแสดงออกของมนุษย์ หรือการลุแก่โทษต่อหน้าพระพักตร์ของพระองค์ เมื่อมนุษย์ได้กระทำความผิดบาป
ชัยชนะที่ยิ่งใหญ่นี้เองเป็นสาเหตุผู้คนทั่วไปไม่อาจคิดได้ว่าอัลลอฮฺ (ซบ.) ทรงปล่อยให้พลพรรคของพระองค์อยู่ตามลำพัง (พระองค์ทรงบริสุทธิ์จากความคิดเหล่านี้) และจงรู้ไว้ว่าอัลลอฮฺ (ซบ.) ทรงพลานุภาพในการปฏิบัติตามสัญญาของพระองค์ มนุษย์ต่างหากที่มีความบกพร่องและยอมสารภาพในความบกพร่องของตน
การพิชิตมักกะฮฺเป็นชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ของอิสลาม
ชัยชนะที่มีเหนือมักกะฮฺนับเป็นศักราชใหม่สำหรับการเผยแพร่อิสลาม และเป็นความพ่ายแพ้ครั้งยิ่งใหญ่สำหรับผู้ปฎิเสธซึ่งพวกเขาได้ต่อต้านอิสลามมาเป็นเวลานานถึง ๒๐ ปีด้วยกัน ขณะเดียวกันชัยชนะในครั้งนี้ยังเป็นการขุดรากถอนโคนบรรดาเจว็ดทั้งหลายที่สถิตอยู่ในมักกะฮฺมาเป็นเวลานานนับศตวรรษให้หมดไปอย่างสิ้นเชิง พร้อมกับเป็นการประกาศว่าอิสลามนั้นพร้อมที่จะแพร่ขยายไปสู่อาณาจักรอื่น ๆ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ผู้สนับสนุน