อาลัมบารซัค

(ทุกๆชีวิตต้องลิ้มรสกับความตาย)

อัลฮัมดุลิลละฮ์ มวลการสรรเสริญทั้งหลายเป็นสิทธิของอัลลอฮ์(ซบ) และศาสนทูตของพระองค์ ในวันนี้ก็ถือเป็นเนียะมัตหรือเตาฟีกกอันยิ่งใหญ่จากพระองค์ที่ทรงประทานให้เราได้มาจัดมัญลิศกัน เพื่อรำลึกถึงอิมามฮุเซน(อ) และเพื่อรำลึกถึงโศกอนาตกรรมแห่งกัรบาลา เป็นที่รู้กันแล้วว่าโศกอนาตกรรมแห่งกัรบาลานี้เกิดมาจากเหตุใด? เป็นเพราะใครที่ทำให้บรรดามุสลิมนั้นต้องเข่นฆ่ากันเอง? จนทำให้บรรดามุสลิมทั้งหลายต้องล้มตายเป็นจำนวนมาก แต่ใครจะนึกว่าความตายจะมาหาเขาในวันนี้ ทุกคนต่างนึกว่าตนเองต้องชนะ แต่พวกเขาจะนึกมั้ยว่าความตายนั้นใกล้กับพวกเขามาก มากจนบางครั้งพวกเราเองก็มองข้ามมันไป นึกว่าตนเองต้องมีชีวิตที่ยืนยาว นึกว่าตนเองยังมีเวลาอีกเยอะที่จะปฏิบัติความดี มีเวลาอีกเยอะที่จะกลับตัว แต่ทว่าเมื่อเราลองย้อนกลับไปคิดและถามตัวสักครั้งว่า “ตัวเราเองเรารู้มั้นว่าราต้องตายวันไหน?”คำตอบของทุกคนต้องตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า ไม่” แต่ทำไมเราชอบบอกตัวเองเสมอว่า เดี๋ยวก่อน ทำไมเราไม่รีบขวนขวายมันมา ความดีทั้งหลายทำไมไม่รีบทำ ทำไมเราไม่บอกสิ่งอื่นบ้างว่า เดี๋ยวก่อน แทนที่จะบอกว่า เดี๋ยวก่อนความดีเดี่ยวเรามา รอเราก่อนน่ะ มันไม่ดีกว่าเหรอ?

เพราะถ้าเราได้ตายไปในหนทางของอัลลอฮ์ ตายลงไปในขณะที่เราปฏิบัติการงานต่างๆนั้นเพื่อความพึงพอพระทัยของพระองค์ เราก็จะได้รับตำแหน่งชะฮีดเฉกเช่นเดียวกับบรรดาชูฮาดาแห่งกัรบาลา และในวันกียามัตเราจะได้อยู่ร่วมกับบรรดาผู้เป็นที่รักยิ่ง ณ พระองค์ แต่ก่อนที่เราจะไปถึงวันกียามัตนั้น เราทุกคนต้องผ่านสิ่งหนึ่งที่เรียกว่า ความตาย และระหว่างความตายกับกียามัตนั้น มนุษย์ทุกคนต้องผ่านสถานที่หนึ่งซึ่งเรียกว่า อะลัม บัรซัค
เป็นที่รู้กันว่ามนุษย์นั้นเป็นสิ่งมีชีวิตสองภาค คือ ภาคแห่งเรือนร่าง และ ภาคแห่งจิตวิญญาณ เมื่อมนุษย์ได้ตายลง ร่างกายของเขาจะถูกฝังลงในดินและผุพังไปตามกาลเวลา แต่สิ่งที่ยังคงอยู่อย่างนิรันดรนั้นก็คือ วิญญาณของเรา ที่ต้องรอตอบคำถาม รับรางวัลและบทลงโทษแบบคร่าวๆก่อนในโลกแห่งบัรซัค

คำว่า บัรซัค ในแง่ของภาษา หมายถึง กำแพงกั้น แนวคั่นกลางระหว่างสองสิ่ง
โดย อัล-กรุอาน อันทรงเกียรติ ซูเราะห์ มุอมินูน อายะที่ 100 กล่าวว่า และเบื้องหน้าของพวกเขา(หลังความตาย) จนถึงวันฟื้นคืนชีพมีบัรซัครออยู่

จากโองการอัล-กุรอานดังกล่าว ทำให้เราทราบว่า ระหว่างความตายและการฟื้นคืนชีพเพื่อการตัดสินตอบแทนครั้งใหญ่นั้น มีชื่อเรียกว่า “บัรซัค” และนี้เป็นหนึ่งในโองการหนึ่งที่ยืนยังถึงการมีอยู่จริงของ “โลกแห่งสุสาน” หรือ อะลัมบัรซัค และยังมีเรื่องเล่าจากเหตุการณ์จริงในประวัติศาสตร์ที่เล่ากันมาว่า

ในสงครามบะดัร หลังจากสงครามยุติ ฝ่ายมุสลิมได้กำชัยชนะเหนือศัตรู บรรดาศัตรูถูกฆ่าตายมากมาย ศพของพวกเขาบางคนถูกโยนลงไปในบ่อ ท่านศาสดา มุฮัมหมัด (ศ) มายังบ่อน้ำดังกล่าว และได้พูดว่า พวกพบสัจธรรม และสัญญาที่พวกเทพเจ้าของเจ้าสัญญาไว้แล้วหรือยัง? อูมัรซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ดังกล่าวก็กล่าวขึ้นว่า โอ้ศาสนฑูตแห่งอัลลอฮ์ พวกนี้ได้ตายไปหมดแล้ว เหลือแต่เรือนร่าง ท่านพูดกับพวกเขาได้อย่างไร?

ท่านศาสดา(ศ) กล่าวตอบแก่อุมัรว่า ขอสาบานต่ออัลลอฮ์ (ซบ) เจ้าไม่สามารถได้ยินเสียงของพวกเขา และการที่ฉันพูดคุยกับพวกเขา เพราะฉันเห็นมาลาอิกะฮ์ทุบตีพวกเขาด้วยกับท่อนเหล็ก

หรือในครั้งหนึ่ง หับบะฮ์ กะรันนี สาวกคนหนึ่งของท่านอิมามอะลี(อ) กล่าวเล่าว่า ครั้งหนึ่งฉันได้ไปยังวาดีสลามกับท่านอิมามอะลี(อ) ท่านอิมามยืนตักเตือนพวกที่อยู่ในนั้น นานมากจนฉันนั่งลงและลุกขึ้นหลายครั้ง หับบะฮ์จึงเอาเสื้อคลุมของตนเองปูลงที่พื้นเพื่อให้อิมามนั่ง เพราะเขากลัวว่าอิมามจะเหนื่อย ท่านอิมามอะลี(อ)กล่าวกับ หับบะฮ์ว่า “การที่ฉันนั้นยืนอยู่ฉันไม่เหนื่อยหรอก เพราะฉันกำลังคุยกับมุอฺมินที่นอนอยู่ในนั้น” หับบะฮ์ต่อท่านอิมามว่า “พวกเขาเป็นเหมือนท่านเหรอ”? อิมามก็กล่าวตอบว่า “ถ้าม่านตาของเจ้าถูกเปิดออก เจ้าจะเห็นว่าพวกเขานั่งคุยกันเป็นกลุ่มๆ” หับบะฮ์กล่าวต่ออีกว่า “พวกเขาเป็นเรือนร่างหรือวิญญาณ?” อิมามก็ได้กล่าวตอบแก่เขาว่า “วิญญาณของผู้ศรัทธาจะไม่ไปไหนนอกจากด้วยคำบัญชาของพระองค์ ให้พวกเขามายังวาดีสลาม ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของสวรรค์ ภายใต้มันมีธารน้ำไหล วิญญาณของผู้ศรัทธาทั้งหลายจะมารวมกันที่นี่”

จากริวายะฮ์และโองการอัล-กรุอานข้างต้นทำให้เราทราบว่า วิญญาณของมนุษย์นั้นต้องพบเจอกับสิ่งต่างๆภายหลังจากความตาย ซึ่งหนึ่งในนั้น คือ คำถามในหลุมฝังศพ

มีริวายะห์จำนวนมาก กล่าวว่า ร่างกายและวิญญาณมีการติดต่อสัมพันธ์กันอย่างพิเศษในหลุมฝังศพ แต่จะอย่างไร? และรูปแบบไหนนั้นไม่มีใครทราบได้ เพราะไม่มีใครที่ได้ไปพบกับเหตุการณ์จริง แล้วมาบอกเล่าให้เราฟัง. มีเพียงจินตนาการของมนุษย์เองเท่านั้น สืบเนื่องมาจากกรุ-อานและฮะดิษได้บอกกล่าวแก่เรา มนุษย์จึงจินตนาการ คาดเดา สภาพต่างๆไปเอง

เมื่อเรือนร่างถูกฝังลงไปในหลุมฝังศพ เมื่อผุ้คนพากันกลับลับหาย มาลาอิกะฮ์ก็จะมาถามคำถามแก่เขาเกี่ยวกับศาสนา หลักการศรัทธา และการกระทำของเขาเอง ถ้าเขาเป็นคนหนึ่งในผู้ศรัทธา มาลาอิกะฮ์ก็จะมาถามคำถามแก่เขาด้วยกับใบหน้าที่สวยงาม. แต่ถ้าเขาเป็นผู้หนึ่งในผู้กระทำผิดบาป มาลาอิกะฮ์ก็จะมาในรูปแบบที่น่าเกลียดน่ากลัวที่สุด ซึ่งความน่ากลัวของมาลาอิกะฮ์นั้น รายงานบอกว่า “ แค่มนุษย์ผู้นั้นได้เห็นใบหน้าที่น่าเกลียดน่ากลัวนั้น ร่างของเขาก็จะสั่นรัวและหมดสติไปด้วยความน่ากลัวนั้น”แต่ทว่าเขาจะถูกปลุกขึ้นมาอีกครั้งเพื่อตอบคำถามด้วยกับความยากลำบาก

หากท่านเป็นผู้ศรัทธาและมีความยำเกรงที่แท้จริง มีความข้าใจและรู้จักศาสนาของท่านเป็นอย่างดี ปฎิบัติตามคำสั่งสอนของอิมามผู้บริสุทธิ คบหามวลมิตรของอัลลอฮ์ รักคนที่พระองค์ทรงรักและเกลียดคนที่พระองค์ทรงเกลียดท่านพูดแต่ความจริง ไม่เคยโกหก ไม่เคยใส่ร้ายผู้อื่น แน่นอนในการตอบคำถามของท่านก็ต้องเป็นไปอย่างง่ายดาย รางวัลของท่านนั้นบรรดามาลาอิกะฮ์จะลำเลียงเนียะมัตและความเมตตาจากพระองค์มาให้แก่ท่าน และการเป็นอยู่ของท่านก็จะสุขสบาย หลุมฝังศพของท่านจะกว้างใหญ่สว่างไสวและหอมหวนด้วยกับความหอมจากสรวงสวรรค์และส่วนหนึ่งจากบรรดาคำถามที่มาลาอิกะฮ์จะถามเรานั้นก็คือ

*ใครคือพระเจ้าของท่าน
*ใครคือนบีของท่าน
*ท่านนับถือศาสนาใด
*ท่านใช้คัมภีร์อะไร
*ใครเป็นอิมามของท่าน
*กิบละฮ์ของท่านอยู่ทางใด
*ท่านใช้ชีวิตให้หมดไปในวิถีทางใด
*ทรัพย์สินของท่านได้มาด้วยวิธีใดและจ่ายไปอย่างไร

นี่เป็นส่วนหนึ่งของคำถามที่มาลาอิกะฮ์จะถามแก่ผู้ตาย ถ้าฟังดูแล้วเราอาจคิดว่าท่องจำไปก็ได้ แต่ทว่ามันไม่ใช่ เนื่องจากในโลกแห่งอาลัมบัรซัคนี้กากเราไม่ศรัทธาจริงเราจะไม่สามารถตอบคำถามใดๆได้เลย

แต่หากท่านเป็นคนที่หลงผิดลิ้นของท่านจะไม่สามารถตอบคำถามใดๆได้เลย มาลาอิกะฮ์จะทำการลงโทษท่านอย่างเจ็บปวดทรมานมากที่สุด หลุมฝังศพของท่านจะมืดมิด คับแคบและบีบรัดตัวท่านให้ได้รับความเจ็บปวดทรมานมากที่สุด ซึ่งท่านไม่เคยเจ็บปวดมาก่อน

บางรายงานกล่าวว่า “อามัลต่างๆที่มนุษย์ได้กระทำบนดุนยานี้ ในโลกแห่งบัรซัคจะถูกแปรสภาพมาเป็นรูปร่างให้เราเห็น หากท่านทำดีอามัลของท่านจะมาในรูปแบบที่สวยงาม ที่จะคอยห้อมล้อมท่านอยู่และจะอยู่เป็นเพื่อนท่านในหลุมฝังศพ”

ดั่งฮะดิษ ของ อิมาม ฮะซัน อัสการี่ ( อ) กล่าว่า “เมื่อมุอฺมินคนหนึ่งเสียชีวิตลง เขาจะมีใบหน้าอันงดงามทั้งหก ซึ่งหนึ่งในใบหน้านั้นสวยงามและหอมหวานกว่าสิ่งใดทั้งหมด จะคอยติดตามเขาไปยังหลุมฝังศพ จะคอยห้อมล้อมยืนอยู่ทางขวา ทางซ้าย ข้างบน ข้างล่าง ข้างหน้าและข้างหลัง เมื่อนั้นใบหน้าอันงดงามที่สุดจะเอ่ยถามว่า พวกท่านเป็นใครกัน ? ใบหน้าทางขวาก็จะตอบว่า “ ข้าคือนมาซ” ใบหน้าด้านซ้ายก็จะตอบว่า “ข้าคือซะกาต” ใบหน้าด้านหน้าก็จะตอบว่า “ข้าคือศีลอด” ใบหน้าด้านหลังก็จะตอบว่า “ข้าคือฮัจญ์และอุมเราะห์” ใบหน้าด้านล่างก็จะตอบว่า “ข้าคือความดีที่ได้กระทำแก่พี่น้องของเขา” ทันใดนั้นใบหน้าทั้งหมดก็จะถามใบหน้าด้านบนว่า ท่านเป็นใครถึงอยู่สูงกว่าทุกคน ? ใบหน้าด้านบนก็จะตอบว่า “ ข้าคือวิลายะฮ์และความรักที่มีต่ออะลีมุฮัมหมัด (อ)”

ส่วนพวกที่ได้สร้างรอยแปดเปื้อนไว้ในดุนยา อามัลของพวกเขาก็จะแปรสภาพมาเป็นรูปร่างมี่น่าเกลียดน่ากลัวตามการกระทำของพวกเขาเอง เช่น

หากเขาเคยละเลยต่อเวลานมาซ ปล่อยให้เวลานมาซนั้นคอยเขาในดุนยานี้ ในหลุมฝังศพนมาซก็จะให้เขาคอยนมาซเหมือนกัน ในขณะที่นมาซกำลังเดินทางมาหาเขาที่หลุมฝังศพนั้น มาลาอิกะฮ์ก็จะทุบตีเขา เนื่องจากนมาซของเขานั้นมาช้า เมื่อนมาซมาถึงท่านก็ถูกทุบตีไปกี่ครั้งแล้ว ท่านจะเอ่ยถามต่อนมาซว่า ทำไมเจ้าถึงมาช้าล่ะ? นมาซก็จะตอบแก่เขาว่า ก็ท่านเคยละเลยต่อเวลานมาซในดุนยาไง นมาซของท่านเลยไม่สมบูรณ์ เป็นเหตุให้มาช้า บางทีนมาซของท่านอาจจะไม่มีขา หรือ บุคคลใดที่ใช้สายตามองไปในสิ่งที่ไม่อนุมัติในดุนยานี้ ในอะลัมบัรซัค มันจะแปรสภาพออกมาเป็นสิ่งที่น่าเกลียดที่สุด เมื่อมาลาอิกะฮ์ถามว่าตาที่เจ้าเคยร้องไห้ให้กับอิมามฮุเซน(อ)อยู่ไหน? ทำไมมันถึงไม่สวยงาม ทำไมมันถึงมาช้า ตาอันนั้นก็จะตอบแก่เขาว่า ก็ท่านเคยใช้ตานี้มองในสิ่งที่ไม่อนุมัติ มองในสิ่งที่ฮะราม ทำให้ฉันหลงทางมาไม่ทันตอบคำถามของมาลาอิกะฮ์ท่านเลยถูกตี

คนที่เปิดเผยความสวยงามของตนแก่สายตาของนอมะห์รัม ในอะลัมบัรซัค เขาจะถูกเผาจากในหัวใจสู่ภายนอกวิญญาณของเขา เขาจะถูกเผาจนหมดสิ้น แล้วพระองค์จะทรงสร้างขึ้นมาใหม่ เพื่อให้เขาถูกเผาในทุกๆวินาที คนที่ไปร่วมมัจลิศแล้วคิดถึงแต่เรื่องราวของอาหาร คิดแต่ว่าวันนี้เจ้าของงานจะทำอะไรให้กิน มีเยอะมั้ย อร่อยมั้ย อามัลของเขาจะแปรสภาพเป็นวัวควายที่ต้องอยู่ในทะเลทรายที่ไม่มีสิ่งใดนอกจากความหิวกระหาย
คนที่ชอบนินทาคนอื่น อามัลของเขาจะกลายเป็นตัวตนที่น่าเกลียด กำลังกัดกินซากศพของคนอื่นอยู่
คนที่ชอบใส่ร้ายคนอื่น เขาจะต้องอยู่ในสถานที่ๆร้อนระอุ ดื่มกินแต่ของร้อนระอุอยู่ตลอดเวลา เขาจะวอนขอต่อพระองค์ว่า “โอ้ยาอัลลอฮ์ข้าพระองค์สำนึกแล้ว โปรดปล่อยข้าพระองค์จากความร้อนนี้ด้วยเถิด” แต่คำตอบที่เขาจะได้รับคือ มันสายไปแล้ว
คนที่หมกมุ่นอยู่แต่ในเรื่องราวของความลามก พวกเขาจะถูกพาไปอยู่ ณ สถานที่ๆมีแต่ความสกปรก เมื่อมีมุอฺมินคนใดผ่านมา พวกเขาจะร้องให้ช่วยพาเขาไปจากที่นั้น แต่ไม่มีใครที่จะสามารถช่วยเหลือเขาได้เลย ในดุนยาใครทำอามัลใดไว้เขาก็จะได้รับอามัลของตน ซึ่งมันจะอยู่กับคุณตลอดไปจนกว่าวันกียามัตจะถูกกำหนดขึ้น แม้ว่าคุณจะไล่สิ่งนั้นไปมากแค่ไหน มันก็จะไม่ไปไหน มันจะเกาะติดกับคุณอย่างนั้น เพราะนั้นคือสิ่งที่คุณได้กระทำไว้ด้วยตัวของคุณเอง
ดังนั้น ถ้าใครที่ต้องการเพื่อนที่อยู่ในหลุมฝังศพที่สวยงาม สามารถช่วยเหลือเราได้ อยู่เป็นเพื่อนกับเรา ทำให้เราอุ่นใจได้ ในโลกดุนยานี้เราก็ต้องหมั่นสะสมเสบียงให้มากๆซึ่งสิ่งที่ทำได้ง่ายที่สุด คือ การรำลึกถึงความตายให้มากที่สุด เพราะถ้าเราได้รำลึกอยู่ตลอดเวลาแล้วจะทำให้ทุกๆย่างก้าวของเราที่ก้าวไปข้างหน้านั้นเป็นไปอย่า ระมัดระวัง และพยายามสะสมอามัลที่ศอลิฮฮฺอยู่เสมอ ดังนั้นเมื่อเราตายไป เมื่อกียามัตถูกกำหนดขึ้น เราจะได้อยู่ในสวรรค์กับบรรดาผู้ที่พระองค์ทรงรักตลอดไป...

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ผู้สนับสนุน