มารยาทของการสลาม

เราได้รู้จักถึงความสำคัญของการให้สลามในทัศนะของอิสลามแล้ว ในส่วนนี้เราจะมาทำความเข้าใจกับมารยาทของการสลามว่าควรปฏิบัติสิ่งใดบ้าง
๑.เมื่อการให้สลามถือว่าเป็นสิ่งดีงามในทัศนะของอัลลอฮ์(ซ.บ) ดังโองการซูเราะฮ์มาอิดะฮ์๔๘ได้กล่าวว่า
ดังนั้นมุสลิมทุกคนควรพยายามที่จะเริ่มต้นการให้สลามก่อน ดังในแบบฉบับของท่านศาสดา จะล่วงหน้าบุคคลอื่นๆ ในการให้สลามเสมอ
ดังท่านอิมามอะลี กล่าวว่า
การให้สลามต่อกันนั้นมี๗๐ ผลบุญ ๖๙เป็นส่วนของผู้เริ่มต้นการให้สลาม ๑ผลบุญเป็นส่วนของผู้ตอบรับสลาม
ท่านอิมามซอดิก กล่าวว่า
ผู้เริ่มต้นการให้สลาม เขาจะได้อยู่ใกล้ชิดที่สุดกับอัลลอฮ์(ซ.บ) และ ท่านศาสดา
๒.การให้สลามและการตอบรับสลามจะต้องกล่าวด้วยเสียงดัง เพื่อที่จะให้ทั้งสองฝ่ายได้ยิน
ท่านอิมามซอดิกกล่าวว่า
เมื่อใดพวกท่านทำการให้สลามต่อผู้อื่น จะต้องกล่าวด้วยเสียงดัง เพื่อว่าจะไม่เจอปัญหาที่ว่า ฉันให้สลามแต่เขาไม่ตอบรับสลามฉัน เพราะอาจเป็นไปได้ว่าการให้สลามของตนพูดด้วยเสียงที่เบาทำให้อีกฝ่ายไม่ได้ยิน และก็เช่นเดียวกันการตอบรับสลามจะต้องกล่าวด้วยเสียงดังเพื่อให้ผู้ให้สลามนั้นไม่กล่าวได้ว่า ฉันให้สลามแต่ทำไมไม่ตอบรับสลามฉัน
๓.การให้สลามต้องกล่าวก่อนคำพูดใดๆ
ท่านศาสดากล่าวว่า
บุคคลใดกล่าวสิ่งอื่นก่อนการให้สลาม จงอย่าพูดและตอบคำถามของเขา
ท่านอิมามฮุเซนกล่าวว่า
ท่านจงอย่าอนุญาติให้เขาปฏิบัติการงานใดจนกว่าเขาจะให้สลาม
๔.การให้สลามนั้นควรให้กับบุคคลทุกตำแหน่งและทุกระดับ
เราจะพบเห็นในชีวประวัติของท่านศาสดามุฮัมมัด และบรรดาอิมามผู้บริสุทธิ์ ท่านเหล่านั้นจะให้สลามต่อทุกๆคน แม้กระทั้งเด็กเล็กๆ
ท่านศาสดากล่าวว่า
มีอยู่ ๔สิ่งด้วยกันที่ฉันไม่ละทิ้ง หนึ่งในนั้นคือ การให้สลามต่อเด็ก เพื่อที่ว่าภายหลังจากฉันได้ยึดถือปฏิบัติ
และในการให้เริ่มต้นการให้สลามก็มีแบบฉบับอยู่เช่นกันดังท่านศาสดากล่าวว่า
ซุนนะฮ์(แบบฉบับ)ของมันก็คือ ผู้ขับขี่ให้สลามต่อผู้เดินเท้า ผู้ขี่ม้าให้สลามต่อผู้ขี่ลา เด็กให้สลามต่อผู้ใหญ่ กลุ่มคนน้อยให้สลามต่อคนกลุ่มใหญ่ คนยืนให้สลามต่อคนนั่ง
รายงานเช่นนี้ท่านอิมามซอดิก ได้กล่าวไว้เช่นกัน แต่อย่างไรก็ตามโดยรวมแล้วการให้สลามก่อนถือเป็นกฏโดยรวมเป็นการงานที่ประเสริฐ และเขาอยู่ในฐานะของผู้นอบน้อม
๕.การตอบรับสลาม ให้เขาตอบรับด้วยสิ่งที่ดีกว่าและสวยงามกว่าหรืออย่างน้อยตอบที่เท่าเทียมกัน
กรุอานได้กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า
และเมื่อใดก็ตามที่พวกเจ้าได้รับากรคารวะด้วยการคารวะหนึ่งๆพวกเจ้าก็จงแสดงการคารวะตอบให้ดีกว่านั้น หรือไม่ก็จงตอบรับ(ให้เท่าเทียมกับ)มัน
ซูเราะฮ์ นิซาอ์ ๘๖


มีรายงานหะดีษว่า มีชายคนหนึ่งเดินเข้ามาหาท่านศาสดาและกล่าวสลามต่อท่านว่า
السلام علیک ท่านศาสดากล่าวตอบว่า علیک السلام ورحمه الله และก็มีชายอีกคนหนึ่งเดินเข้ามาและกล่าวว่า السلام علیک ورحمه الله ท่านศาสดากล่าวตอบว่า وعلیک السلام ورحمه الله وبرکاته และชายที่สามก็เข้ามาและกล่าวว่า السلام علیک ورحمه الله وبرکاته
ท่านศาสดากล่าวตอบว่า السلام علیک ورحمه الله وبرکاته
มีศอฮาบะฮ์ท่านหนึ่งได้ยินทั้ง สามการให้สลามและสามการตอบ ได้ถามต่อท่านศาสดาว่า โอ้ท่านศาสดาในการตอบสลามต่อคนที่ ๑ คนที่ ๒ จะมีประโยคเพิ่มเข้ามา แต่ในคนที่๓ ท่านมิได้กล่าวประโยคใดเพิ่มเติมเลย ท่านกล่าวตอบว่า ไม่มีคำสลามใดลงเหลืออยู่แล้วดังนั้นจึงไม่มีประโยคใดเพิ่มเติมอีก ฉันจึงตอบเช่นเดียวกับเขา
การให้สลามถือเป็นซุนนะฮ์(แบบฉบับ)หนึ่งของอิสลามที่พีน้องมุอ์มินต้องปฏิบัติต่อกัน การให้สลามจะเป็นบ่อเกิดของความรักใคร่ ความสะอาดบริสุทธิ์ของหัวใจเคียดแค้นชิงชัง ขจัดความกินแหนงแคลงใจต่างๆ และก่อให้เกิดความนอบน้อมถ่อมตน และจากรายงานหะดีษทั้งหมดทำให้เราทราบว่าการให้สลามต่อผู้ปฏิเสธ ,ฟาซิก (ละเมิด) ไม่เป็นที่อนุญาติ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ผู้สนับสนุน