การนินทาถือเป็นสิ่งต้องห้าม(ฮะรอม)


อาจจะมีใครหลายคนที่สงสัยว่าเพราะเหตุใดการนินทาถึงได้เป็นสิ่งต้องห้ามและในศาสนาได้กำชับให้ออกหางจากการกระทำดังกล่าว และถือว่าการกระทำดังกล่าวเป็นสิ่งชั่วร้าย ในฉบับนี้เราจะมาหาคำตอบกันนะคะ สิ่งที่ชัดเจนประการหนึ่งก็คือ ความกริ้วโกรธของพระองค์อัลลอฮ์(ซ.บ) และการไม่พอใจของศาสดาและเหล่าบรรดา อะอิมมะฮ์ มะศูมมีน ถือว่าเป็นการงานที่
ชั่วร้ายและเป็นบาป ในเรื่องของการนินทาเราจะเห็นโองการอัล-กรุอานและรายงานหะดีษมากมายได้กล่าวตำหนิในความชั่วร้ายของการนินทา
โองการอัล-กรุอานได้กล่าวว่า
เจ้าจงอย่านินทาซึ่งกันและกัน เจ้าชอบหรือที่จะกินเนื้อพี่น้องของเจ้าที่ตายไปแล้ว ? (ซูเราะฮ์ หุญุรอต / ๑๒ )
ในโองการนี้ได้อธิบายถึงการนินทาว่าเป็นการกินเนื้อพี่น้องตัวเอง ที่ตายไปแล้ว หมายถึงการนินทาพี่น้องร่วมศาสนาอยู่ในสถานะการฆ่า และกินซากศพ เพราะการนินทานั้นได้ทำลายเกียรติยศ ชื่อเสียง ซึ่งก็เปรียบเหมือนเลือดที่ไหลออกจากร่าง มิอาจย่อนกลับมาได้อีก เมื่อมันเสียไปแล้ว มันก็ไม่สามารถเรียกกลับมาได้อีกแล้ว ด้วยสาเหตุนี้เองเราจึงต้องปกป้องศักศรี และเกียรติยศของพี่น้องมุสลิม โดยถือว่าการนินทานั้นเป็นสิ่งต้องห้าม (ฮะรอม) และนี้คือการแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของการรักษา เกียรติยศ ชื่อเสียง ของพี่น้องมุสลิม
นอกจากนั้นในอิสลามถือว่าการฆ่าพี่น้องมุสลิมและการทำลายศักศรี ชื่อเสียง ถือเป็นบาปใหญ่ และถือเป็นสิ่งต้องห้าม (ฮะรอม)
ดังในวัจนะของท่านศาสดามูฮัมมัด (ศ็อลฯ) ได้กล่าว่า
เลือด ทรัพย์สิน เกียรติยศ ศักดิ์ศรี ของมุสลิมสำหรับ มุสลิมถือเป็นสิ่งต้องห้าม (ฮะรอม) (กันซุลอุมมาล เล่ม ๑ หน้า ๑๕๐ หะดีษ ๗๔๗)
การนินทาถือเป็นการทำลายเกียรติยศ ศักดิ์ศรี ของพี่น้องมุสลิมและถือเป็นการไม่ให้เกียรติ แก่พี่น้องมุสลิม เช่นเดียวกัน การฆ่า, ยึดทรัพย์ ของพี่น้องมุสลิมถือเป็นสิ่งต้องห้าม (ฮะรอม) ดังนั้นถือเป็นหน้าที่ของมุสลิมทุกคนที่จะต้องปกป้อง ศักดิ์ศรี ของมุสลิม ด้วยการไม่นินทา และไม่ฟังการนินทา หากผู้ใดสามารถกระทำหน้าที่นี้ได้ เขาก็จะได้เข้าสู่ความพิงพอพระทัยจากเององค์อัลลอฮ์ (ซ.บ) แต่ถ้าหากเขาละเลยหน้านี้ เขาจะได้รับความกริ้วโกรธจากพระองค์
ดังวัจนะของท่านศาสดามูฮัมมัด(ศ็อลฯ) ได้กล่าวว่า
ผู้ใดก็ตามที่ได้ปกป้องชื่อเสียงของพี่น้องมุสลิม ในวันกิยามะฮ์พระองค์จะรักษาเกียรติยศและศักดิ์ศรีของเขา ไว้เช่นกัน (บิฮาร เล่ม๗๕ บทที่ ๖๖ หะดีษที่ ๑)
เช่นเดียวกันท่านศาสดา(ศ็อลฯ)ได้กล่าวว่า
ผู้ใดก็ตามที่ได้ปกป้องชื่อเสียงของพี่น้องมุสลิม พระองค์จะช่วยเหลือเขาให้ออกจากไฟนรกยะฮันนัม (มะฮัจญะตุลบัยฎออ์ เล่ม ๕ หน้า ๒๖๑)
และนี้ก็คือผลตอบแทนในการละทิ้งการนินทาส่วนผลตอบแทนในการทำการนินทา คือการที่เขาจะได้รับการลงโทษอย่างแสนสาหัสในไฟนรก และผลบุญทั้งหมดที่เขาได้ประกอบมาจะถูกมอบให้แก่ผู้ทีเขาทำการนินทานั้นเอง
ดังที่ได้กล่าวมาแล้วว่ากุรอานได้กล่าวตำนิการนินทาอย่างรุนแรงและถือว่าเป็นบาป การเปรียบเปยเช่นนี้ไม่เคยมีปรากฏในบาปอื่นๆเลย อีกประการหนึ่งก็คือในโองการนี้ได้อธิบายถึงโทษของผู้ที่ทำการนินทาว่าเขาจะมีสภาพตามที่กรุอานได้กล่าวมานั้นคือเขาจะถูกสั่งให้กินสากศพของพี่น้องของเขา นอกจากนั้นยังมีหะดีษมากมายกล่าวถึงโทษทัณของการนินทา
วัจนะของท่านศาสดา(ศ็อลฯ)ได้กล่าว่า
ในค่ำคืนแห่งเมะรอด ฉันได้เดินทางผ่านกลุ่นชน กลุ่มหนึ่งที่ใช้กรงเล็บของเขากรีดไปบนใบหน้าของเขาเอง ฉันได้ถามญิบรออีลว่าพวกเขาคือใคร ? พวกเขาคือกลุ่มชนที่ทำการนินทาและทำลายเกรียติของผู้อื่น
(บิฮาร เล่ม ๗๕ บทที่ ๖๖ หะดีษ ๑)
นอกจากโทษทัณของการนินทาแล้ว อิสลามได้กล่าวอีกการนินทาคือการแพร่ขยายความชั่วช้าให้เกิดขึ้นในสังคม ซึ่งถือว่าเป็นบาปใหญ่
ดังโองการอัล-กรุอานได้กล่าวว่า
แท้จริงบรรดาผู้มีจิตใจรัก ที่จะแพร่สิ่งชั่วร้ายในกลุ่มชนที่มีศรัธทานั้น พวกเขาจะต้องได้รับโทษอันแสนทรมานทั้งในโลกนี้และโลกหน้า (ซูเราะฮ์นูร ๑๙ )
ท่านอิมามญะฟัรศอดิก(อ.)ได้อธิบายโองการข้างบนไว้ว่า
ผู้ใดที่นำความลับของพี่น้องมุสลิมมากล่าว ล่วนแล้วแต่เป็นผู้ที่พระองค์อัลลอฮ์(ซ.บ)ได้ทรงกล่าวถึงพวกเขาว่า พวกเขาคือกลุ่มชนที่ชอบให้เกิดความชั่วร้ายแพร่หลายไปในหมู่มุอ์มิน (บิฮาร เล่ม ๗๕ บทที่ ๖๖ หะดีษ ๒)
ดังนั้นความหมายของท่านอิมามคือผู้ใดก็ตามได้ทำการนินทามุอ์มิน เขาคือกลุ่มชนผู้แพร่ขยายความชั่วร้ายนั้นเอง
มีรายงานหะดีษได้กล่าวถึงความชั่วร้ายของบาปการนินทาไว้อีกว่า นินทาคืออาหารของสุนัขในยะฮันนัม
ดังรายงานว่าท่านอิมามฮุเซนได้กล่าวแก่ชายที่กำลังนินทาผู้อื่นว่า
เจ้าอย่านินทา เพราะมันเป็นอาหารของสุนัขในนรกยะฮันนัม(บิฮาร เล่ม ๗๘ บทที่ ๒๐ หะดีษ ๒)
ผู้ใดมีข้อบกพร่องอยู่ในตัวเขา เขาจะพยายามหาข้อบกพร่องของผู้อื่นมาเปิดเผยแก่ประชาชนเพื่อที่จะได้ปกปิดข้อบกพร่องของตน
ดังท่านอิมามอะลี(อ.)ได้กล่าวว่า
ผู้ใดมีข้อบกพร่องอยู่ในตัวเขา เขาชอบที่จะเปิดเผยข้อบกพร่องของผู้อื่น เพื่อข้อบกพร่องต่างๆของเขาจะถูกปกปืดไว้
ท่านอิมามญะฟัรศอดิก(อ.)ได้กลว่าว่า
การนินทาเป็นสิ่งฮะราม(ต้องห้าม)สำหรับมุสลิมทุกคน ดังเช่นไฟทีกำลังเผาไหม้ไม้ฝืน ฉันใด การนินทากำลังกลืนกินการงานอันดีงานฉันนั้น
มีรายงานจากท่านศาสดา(ศ็อลฯ)ได้กล่าว่า
ในวันกิยามัต เมื่อผู้หนึ่งได้มายืนอยู่เบื่องหน้าอัลลอฮ์ เมื่อสมุดบันทึกการงานของเขาได้ถูกมอบแก่เขา เมื่อเขาเปิดมันออก เขาไม่พบการงานอันดีใดๆเลย เขาได้กล่าวต่อพระองค์ว่า โอ้พระองค์นี่ไม่ใช่สมุดบันทึกการงานของข้าพระองค์ เพราะข้าพระองค์ไม่เห็นอิบาดะฮ์ใดๆของข้าพระองค์เลย พระองค์กล่าวแก่เขาว่า พระผู้อธิบาลของเจ้ามิได้หลงลืม แต่ทว่าการงานของเจ้านั้นได้หายไปเพราะการนินทาของต่อประชาชน และอีกคนหนึ่งได้ถูกนำตัวเขามา สมุดบันทึกได้ถูกมอบแก่เขา เขาได้เห็นอิบาดะฮ์มายมายในนั้น เขาได้กล่าวต่อพระองค์ว่า โอ้พระองค์นี่ไม่ใช่สมุดบันทึกการงานของข้าพระองค์ เพราะทั้งหมดนี้ไม่ใช่อิบาดะฮ์ของฉัน พระองค์กล่าวแก่เขาว่า เพราะเขาผู้นั้นได้นินทาเจ้า ดังนั้นเจ้าจึงได้รับการงานที่ดีของเขา(บิฮาร เล่ม ๗๕ บทที่ ๖๖ หะดีษ ๕๓)
มีเรื่องเล่าจากอุลามะฮ์ท่านหนึ่งว่า เมื่อมีคนมาแจ้งข่าวว่ามีคนผู้หนึ่งได้ทำการนินทาท่าน ท่านได้เผยยิ้มที่มุมปาก และบอกกับลูกศิษย์ของท่านว่า จงนำขนมหวานไปมอบยังบ้านของชายผู้นั้นเถิด และจงกล่าวสานนี้แก่เขาว่า ฉันได้ทราบว่าท่านได้ส่งการงานที่ดีของท่าน มาในสมุดบันทึกการงานของฉัน ฉันจึงส่งขนมหวานมาเพื่อเป็นการขอบคุณ จงรับการขอบคุณนี้เถิด
ทั้งหมดนี้ก็คือผลตอบแทนแก่ผู้ที่ทำการนินทาและมันคือบทสรุปได้อย่างชัดเจนว่าทำไมอิสลามถึงมีทัศนะที่รุงแรงต่อการนินทาและถือว่าการนินทาเป็นสิ่งต้องห้าม(ฮะรอม) ส่วนผู้ที่ฟังการนินทาในทัศนะของอิสลามแล้ว อยู่ในสถานะของผู้นินทาเช่นเดียวกัน และถือเป็นสิ่งต้องห้าม(ฮะราม)
ดังวัจนะของท่านศาสดา(ศ็อลฯ)ได้กล่าว่า
ผู้ที่ฟังการนินทาเท่ากับเขาคือผู้นินทา(บิฮาร เล่ม ๗๕ บทที่ ๖๖ หะดีษ ๑)
และอาจเกิดคำถามขึ้นว่า หากเราไปอยู่ในวงนินทาควรทำอย่างไร? หากมีความสามารถจำเป็นต้องปกป้องมุอ์มินผู้นั้น
ดังวัจนะของท่านศาสดา(ศ็อลฯ)ได้กล่าว่า
บุคคลใดก็ตามเมื่อได้ยินการนินทาต่อพี่น้องร่วมศาสนาของเขาและเขาได้ทำการปกป้อง อัลลอฮ์(ซ.บ) จะทรงปกป้องเขาให้เขาพ้นจากความชั่วร้ายถึงหนึ่งพันสิ่ง ทั้งทางโลกนี้และโลกหน้า (บิฮาร เล่ม ๗๖ บทที่ ๖๗ หะดีษ ๓๐) และเป็นสิ่งที่ชัดเจนว่าถ้าหากเราไม่สามารถขจัดการนินทาหรือปกป้องชื่อเสียงของผู้ที่ถูกนินทาได้ จำเป็นที่เขาควรจะออกจากกลุ่มที่ทำการนินทา

1 ความคิดเห็น:

  1. เปงบทความที่ดีค่ะ
    เตือนสติได้ดีมาก โดยเฉพาะสาวๆ
    ยาซาหกัลลอฮฺค่ะ ขอพระอวงค์ทรงตออบแทนความดี

    ตอบลบ

ผู้สนับสนุน